km

km
กิจกรรมการขับเคลื่อนการจัดการความรู้ในองค์กรของสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสมุทรปราการ

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชนจังหวัด(บรรยาย นพส.31)



การเรียนรู้เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชนจังหวัดเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งกรมการพัฒนาชุมชน โดยสถาบันการพัฒนาชุมชนกำหนดไว้ในหลักสูตร ของการฝึกอบรมนักบริหารงานพัฒนาชุมชนระดับสูง(นพส.)รุ่นที่31โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักศึกษาได้มีประสบการณ์ในการจัดทำยุทธศาสตร์ในระดับจังหวัด สามารถเป็นที่ปรึกษาให้เเก่ผู้ใตบังคับบัญชาในการจัดทำเเละขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ได้ ผมเองได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการบรรยายสร้างความรู้ ความเข้าใจเเก่นักศึกษารุ่นนี้ในหัวข้อ การจัดทำเเละขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ เมื่อ วันที่ 20 ธันวาคม 2553 ณ สถานตากอากาศบางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ในงานนี้มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน พัฒนาการจังหวัดสมุทรปราการเป็นหัวหน้าทีมการต้อนรับ



การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดต้องครอบคุม 3 ขั้นตอนใหญ่ได้เเก่ 1)การจัดทำเเละวางแผนยุทธศาสตร์ 2)การถ่ายทอดยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ 3)การติดตามประเมินผลแผนยุทธศาสตร์

1)การจัดทำเเละวางแผน

INPUT การจัดทำแผนยุทธศาสตร์สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดดำเนินการภายใต้การบูรณาการภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่(พัฒนากร/นักวิชาการ/พัฒนาการอำเภอ)ภาคีการพัฒนา(ตัวเเทนเกษตร/สาธารณสุข/ท้องถิ่นเเละหน่วยงานในระดับจังหวัดที่สมามรถให้ข้อมูลได้)ผู้นำชุมชน กลุ่มองค์กร/เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ในเวทีนี้เรานำข้อมูลที่สำคัญในด้านต่างๆเข้ามาเป็นปัจจัยนำเข้า เช่น ข้อมูลด้านเศรษฐกิจชุมชนเเละเศรษฐกิจภาพรวมของจังหวัด ข้อมูลด้านสิ่งเเวดล้อมประเด็นสถานการณ์เเละการเปลี่ยนเเปลง ความเป็นอยู่เเละคุณภาพชีวิตของพี่น้องสมุทรปราการ(จปฐ./กชช.2ค) ข้อมูลจากเเผนยุทธศาสตร์จังหวัดสมุทรปราการ ข้อมูลจากยุทธศาสตร์กรมการพัฒนาชุมชน ข้อมูลจากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ข้อมูลผลการประเมินการปฏิบัติราชการ PMQAเเละผลการสะท้อนการปฏิบัติงานเเละความต้องการจากผู้รับบริการของสำนักงานฯ(ผู้นำ/กลุ่ม องค์กร/เครือข่าย/ภาคี)

PROCESS ในการจัดทำเเละยกร่างยุทธศาสตร์ใช้กระบวนการมีส่วนร่วมผ่านเวทีเชิงบูรณาการ โดยร่วมกันวิเคราะห์ สังเคราะห์ หาศักยภาพในด้านต่างๆของสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด วิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนเเปลงในอนาคต วิเคราะห์แผนการเปลี่ยนเเปลงที่จะเกิดขึ้นของชุมชนซึ่งรองรับด้วยแผนชุมชนเชิงบูรณาการของจังหวัดอีกชั้นหนึ่ง โดยมีเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลที่INPUT ได้เเก่

· SWOT ANALYSIS (วิเคราะห์จุดเด่น/จุดด้อย/โอกาส/ภัยคุกคาม)

· 7S(วิเคราะห์ศักยภาพภายในองค์กร/โครงสร้าง/ระบบ/ทักษะ/ค่านิยมร่วม/รูปแบบการทำงาน/ทีมงานเเละบุคลากร)

· CORE COMPETENCES(สมรรถนะหลักขององค์กร)

· SI-SE

· STRATEGIC AN.

· PMQA

ในการใช้เครื่องมือในการกำหนดเเผนยุทธศาสตร์ดังที่กล่าวมา ต้องพิจารณาเครื่องมือเเต่ละชนิดที่มีคุณลักษณะข้อดีข้อด้อยเเตกต่างกัน ดังนั้นต้องใช้หลายเครื่องมือเพื่อสามารถออกแบบแผนยุทธศาสตร์ให้สามารถขับเคลื่อนงานให้บรรลุภารกิจของสำนักงานพัฒนาชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
OUTPUTสำหรับผลผลิตที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการดังกล่าวคือเเผยยุทธศาสตร์สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด มีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
วิสัยทัศน์
พันธกิจ
เป้าประสงค์
แผนที่ยุทธศาสตร์
โครงการ/กิจกรรม
ตัวชี้วัด
ซึ่งผลผลิตนี้จะนำไปสู่การถ่ายทอดให้บุคลากรทั่วทั้งองค์กรได้เรียนรู้เเละนำสู่การปฏิบัติ
2)การถ่ายทอดยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ

ในการนำแผนยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัตินั้น สำนักงานพัฒนาชุมชนใช้หลักเเละเเนวปฏิบัติตามขั้นตอนการดำเนินงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการภายในหน่วยงาน หรือที่เรารู้จักกันเเละคุ้นชิน คือ IPA นั่นเอง โดยมีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการร่วมกันระหว่าง สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด อำเภอ จนถึงบุคคล โดยกำหนดให้ทุกหน่วยจัดทำโครงการข้อเสนอริเริ่มเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของจังหวัดเเละอำเภอให้บรรลุเป้าหมาย มีการกำหนดตัวชี้วัดรายบุคคล รายทีม เพื่อเป็นเครื่องมือในการติดตาม ประเมินผลอีกด้วย สำหรับกระบวนการในการถ่ายทอดแผนยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติ มีกระบวนงาน ดังนี้

1) การทบทวนแผนยุทธศาสตร์
2)การประชุมชี้เเจงเเละสร้างความรู้ความเข้าใจให้บุคลากรทั่วทั้งองค์กร
3)การมอบหมายผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนมีการสร้างข้อตกลงร่วมกันในการขับเคลื่อนงาน
4)มีระบบการติดตามสนับสนุนการดำเนินงานเเละถอดบทเรียนการทำงาน
5)การสร้างแรงจูงใจให้เเก่ทีมเเละบุคลากร(รางวัลเเห่งความสำเร็จ)
ในการดำเนินงานต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศฯในการรองรับระบบงานของแผนยทธศาสตร์ที่ดี พัฒนาขีดความสามารถบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เเละใช้รับบการจัดการความรู้มาเป็นเครื่องมือในการทำงานใช้ความรู้ในการเเก้ปัญหาหน้างาน
3)การติดตามประเมินผลแผนยุทธศาสตร์
เครื่องมือที่ใช้ในการติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ได้เเก่
•PA
•IPA
•ONLINE REALTIME
คณะติดตามฯ
• PMQA
จะเห็นได้ว่าการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ต้องดำเนินการให้ครบกระบวนงานในการวางแผนเชิงกลยุทธ์ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดจึงต้องดำเนินการด้วยความเข้าใจเเละสามารถมองกระบวนงานที่เป็นขั้นเป็นตอน มองเห็นผลผลิต และผลลัพธ์ที่ชัดเจน เตรียมความพร้อมบุคลากรให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน เตรียมพื้นที่ให้ชัดเจน ประสานแกนนำที่ต้องปฏิบัติงานด้วย สร้างความเข้าใจ ให้ความสำคัญกับข้อมูล จปฐ. กชช.2ค แผนชุมชน บูรณาการกับภาคีและท้องถิ่นเพื่อจับมือทำงานร่วมกัน หาทางออกร่วมกัน มีการทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป










วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“พ่อเมืองปากน้ำ...ปักธงงานพัฒนาชุมชนเพื่อคนสมุทรปราการ”



การที่จะนำพาปากน้ำเราให้ก้าวไปสู่เมืองอุตสาหกรรมน่าอยู่ เราต้องผนึกกำลังกันทุกภาคส่วนโดยเฉพาะพัฒนากรผู้ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต้องร่วมกับฝ่ายปกครองและภาคประชาชน เพื่อสร้างสรรค์ความอยู่ดีกินดี บ้านเมืองสงบเรียบร้อยสวยงาม สู่สังคมน่าอยู่ต่อไปนี่คือแนวนโยบายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ในโอกาสมาเป็นประธานการมอบนโยบายเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แก่บุคลากรสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณ ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสมุทรปราการ

จากวิสัยทัศน์จังหวัดสมุทรปราการที่ว่า เมืองอุตสาหกรรมน่าอยู่นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เน้นย้ำและกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาว่า การจะเป็นเมืองอุตสาหกรรมน่าอยู่นั้น ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการหนุนเสริมและสร้างพลังให้เกิดขึ้นทั้งภาคชุมชนและภาคประชาสังคม ทำอย่างไรชุมชนและสังคมจะสงบสุข สะอาด เรียบร้อย ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สิ่งแวดล้อมน่ามอง กลไกที่จะเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนงานเชิงพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการ คือ พัฒนากร ดังนั้นพัฒนากรต้องเกาะติดพื้นที่ พัฒนาการอำเภอต้องเป็นผู้สอนแนะงานที่ดี เป็นที่ปรึกษาให้พัฒนากรในการสานงานเชื่อมโยงกับผู้นำชุมชนทุกระดับ ขณะเดียวกันต้องประสานเคียงบ่าเคียงไหล่กับปลัดอำเภอเพื่อเป็นแขนเป็นขาให้นายอำเภอในการพัฒนาชุมชนพื้นที่ให้บรรลุเป้าหมาย

จากเป้าหมายและกลไกการทำงานข้างต้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ยังมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสมุทรปราการ หัวหน้ากลุ่มงาน/ฝ่าย พัฒนาการอำเภอและพัฒนากรได้ให้ความสำคัญกับปัญหาเด็กและเยาวชน เรื่องยาเสพติด พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในทุก ๆ ด้าน ปัญหาการใช้ความรุนแรงในการแข่งขันทางการเมือง การส่งเสริมความรักความสามัคคีในชุมชน การสร้างความตระหนักในสิทธิหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยและที่สำคัญการใช้ข้อมูลในการปฏิบัติงาน ทั้งข้อมูลความจำเป็นขั้นพื้นฐาน (จปฐ.) และข้อมูลเพื่อการพัฒนาหมู่บ้าน (กชช.๒ค) ขอให้ทุกภาคส่วนได้ให้ความสำคัญและควรมีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของทุกหมู่บ้านตำบลโดยจัดลำดับปัญหาเร่งด่วน ๕ ลำดับแรก รวมทั้งศึกษาความต้องการในเชิงพื้นที่เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนา การค้นหาแกนนำชุมชนตัวจริงที่ชุมชนให้การยอมรับและเป็นกลไกหลักในการพัฒนาชุมชนหมู่บ้านในปัจจุบันเพื่อ กำหนดตัวบุคคลและทิศทางการทำงานร่วมกับชุมชนได้ตรงจุดและสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง


วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ถอดบทเรียน/จัดการความรู้หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นเเบบ กันอีกซักครั้ง.....ทำอย่างไรดีเนี่ย?


อาจจะต่อเนื่องจากบทความที่ผมเขียนไว้ก่อนหน้านี้ เรื่องการจัดการความรู้หรือการถอดบทเรียนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นเเบบ ที่กรมการพัฒนาชุมชนกำหนดให้ทุกจังหวัดดำเนินการ เพราะเท่าที่พอรู้มาบ้างว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก็หาคำตอบไม่ชัดเจนว่าจะทำอย่างไร? จะจัดการความรู้อะไร? ทำไปเพื่ออะไร? รูปร่างหน้าตาบทเรียนหรือองค์ความรู้ที่อยากได้เป็นเช่นใด? ประกอบด้วยอะไรบ้าง? ทุกปีที่ดำเนินการไปแล้ว OK หรือไม่? นำไปใช้ในการพัฒนางานได้จริงหรือเปล่าหรือนำไปต่อยอดอย่างไร? เจ้าหน้าที่จังหวัดที่รับผิดชอบมีความชัดเจนในแนวทางเเละวิธีการหรือไม่ อย่างไร? ใครจะช่วยได้บ้าง?เมื่อรับคำสั่งให้ดำเนินการเเล้วจะทำอย่างไรดี?....?..?...?...? นี่เป็นตัวอย่างคำถามที่ผมมั่นใจว่าต้องเป็นคำถาม HOT HITเเน่ๆ เมื่องานมา พวกเราไม่งอมืองอเท้าครับเเต่งองงมากกว่า...55555


ในกิจกรรมหลักที่ 3 ส่งเสริมเเละพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมย่อยที่ 4,5 กรมฯกำหนดให้มีกิจกรรมการจัดการความรู้วิธีการปฎิบัติการพัฒนาหมู่บ้าน(วิธีการปฏิบัติที่ประสบผลสำเร็จในการดำเนินการพัฒนาชุมชนในภาพรวม)เเละจัดทำเอกสารความรู้อย่างน้อย 1 ฉบับ ทั้งนี้ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นตัวเเทนครอบครัวพัฒนา 30 คน

ผมไม่มีโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจที่กรมฯจัดในส่วนกลางเเต่เหตุที่เข้ามาเขียนเรื่องนี้เพราะมีเพื่อนๆสมาชิก อยากชวนผมไปเป็นวิทยากรในการจัดการความรู้เเละถอดบทเรียนที่ว่านี้ในต่างจังหวัด ผมจึงต้องมานั่งถอดรหัสเอาเอง....ถ้าดูโจทย์นี้ วัตถุประสงค์กรมฯต้องการเห็น..วิธีการ..เทคนิค...กลเม็ด..เคล็ดลับ...บทเรียนที่ดีในการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นอย่างไร?เพื่อต่อยอด ขยายผลให้ชุมชนอื่นได้เรียนรู้(ว่าไปนั่น)....กลุ่มเป้าหมายหรือ KEY หรือเจ้าของความรู้..ถ้าดูจากโจทย์ คือ ผู้นำหรือตัวเเทนครอบครัวพัฒนาที่เชิญมา 30 คน ถ้าตีความเเบบความรู้เท่าหางอึ่งของผมก็คือ..เชิญชาวบ้านมาถอด..สกัด...ล้วง...เเคะ...เเกะ..เกา...เอาวิธีปฏิบัติที่เยี่ยมยุทธในการพัฒนาตนเอง..ครอบครัว..ชุมชน.ให้มีวิถีแห่งความพอเพียงเลี้ยงตนเองได้เเจ๋วเเหวว....ออกมาเป็นความรู้ที่เป็นบทเรียนให้ชุมชนอื่นหรือครอบครัวอื่นๆได้เรียนรู้เเละนำบทเรียนที่ดีนี้ไปประยุกต์ใช้ต่อไป...(แม่นบ่) ถ้าเป็นไปตามสิ่งที่ผมตีความ ในเเวดวงนักถอดบทเรียนเขาเรียกว่า การจัดการความรู้ชุมชนนี่เอง เพราะ องค์ความรู้ที่ได้เป็น เทคนิค เป็นประสบการณ์ เป็นบทเรียนของชาวบ้านที่เขา เรียนรู้เเบบ LEARNING BY DOING กันมา.....นักพัฒนาชุมชนที่ทำหน้าที่ผู้เอื้อกระบวนการในการถอดบทเรียนท่านต้องตีโจทย์ให้เเตกนะ...เเต่ในมุมความคิดของผม หากจะทำให้งานครั้งนี้ก่อประโยชน์อย่างแท้จริง พัฒนากร เจ้าหน้าที่จังหวัด ภาคีการพัฒนา ต้องถอดบทเรียนหรือจัดการความรู้ด้วย..(สำคัญที่สุด) ตัวนักพัฒนานี่เเหละต้องสกัดเทคนิค KNOW HOWออกมา อย่าลืมการจัดการความรู้เพื่อมองภาพรวมท่านต้องวิเคราะห์กระบวนงานทั้งหมดเเละหาผู้เกี่ยวข้องมาร่วมวงสนทนา หาบทเรียนร่วมกัน คงไม่ใช่ครอบครัวพัฒนาอย่างเดียว ท้องถิ่นละ...หน่วยงานอื่นๆละ...เขาทำอะไรบ้างในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง...เขาหนุนอะไร อย่างไรกับครอบครัวพัฒนา...เราไม่ได้ทำงานคนเดียวครับ....ถ้าตอบคำถามเหล่านี้ได้ท่านจะได้ชุดความรู้ในการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นเเบบอย่างเเท้จริง...คุณว่ามั๊ย....

ยังมีประเด็นพูดคุยกันอีกมากครับ....วันหน้าผมจะชวนท่านคุยอีก...วันที่ 22 นี้จะไปสร้างการเรียนรู้เรื่องการจัดการความรู้กับพัฒนากรและเจ้าหน้าที่ที่โคราช..คงได้เรียนรู้ร่วมกันในหลายๆมิติครับ.....



ถอดบทเรียนเเละการจัดการความรู้หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นเเบบ



ระยะนี้กรมการพัฒนาชุมชนมีเเนวทางเเละข้อสั่งการให้ทุกจังหวัดดำเนินการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นเเบบ โดยมีกรอบการดำเนินการสนับสนุนให้ทุกจังหวัดดำเนินการ เเละท้ายสุดให้จัดการความรู้เเละถอดบทเรียนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง นี่คือประเด็นที่ผมจะชวนคุยวันนี้ ผมเองไม่ได้รับผิดชอบกิจกรรมนี้เพราะเป็น หัวหน้ากลุ่มสารสนเทศฯรับผิดชอบการสนับสนุนด้านอื่นๆเสียมากกว่า เเต่ที่ต้องชวนคุยเพราะมีพรรคพวกที่เคยอบรมพัฒนาการอำเภอด้วยกัน ตั้งเป็นโจทย์ให้ช่วยคิดหน่อยว่าจะจัดการความรู้ หรือจะถอดบทเรียนอย่างไรดี เอาละครับงานเข้าขึ้นมาทันที


จากประสบการณ์ที่พอมีอยู่บ้างเรื่องการจัดการความรู้ เเละเป็นความเข้าใจส่วนตัว ขอย้ำว่าเป็นความเข้าใจส่วนตัวเท่านั้น ใครจะนำไปขบคิดต่อก็ไม่เสียหายครับ เมื่อได้รับโจทย์มาว่าจะจัดการความรู้หรือจะถอดบทเรียนหมู่บ้านเศรษฐกิจอย่างไรดีนั้นก่อนอื่นผมว่าเราต้องศึกษาเเละตั้งคำถามเหล่านี้ครับ


1.การจัดการความรู้ คืออะไร?


2.การถอดบทเรียนคืออะไร?


3.ข้อ 1 เเละข้อ 2 ต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไร เพราะที่ผ่านมาบางปี กรมฯให้จัดการความรู้ บางกิจกรรมให้ถอดบทเรียน อ้าวเเล้วต่างกันมั้ย....?


4.หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงที่จะไปจัดการความรู้หรือไปถอดบทเรียน คืออะไร? ขอบเขตเเค่ไหน?ใครให้ข้อมูลได้บ้าง?


5.จะไปจัดการหรือถอดความรู้อะไรของเขา? ถอดความรู้ที่ว่าเพื่ออะไร?


6.จะไปถอดความรู้กับใคร? ใครเกี่ยวข้องที่จะสามารถให้ข้อมูลได้บ้าง? มีกี่คน ?


7.จะใช้เครื่องมืออะไรไปจัดการความรู้หรือถอดความรู้กับเขา?


8.จะวางแผนเตรียมการอย่างไรในการถอดบทเรียนที่ว่าน?


9. ต้องใช้วัสดุอุปกรณ์อะไรบ้าง?


10.จะจดบันทึกประเด็น ข้อความ ภาพและเสียงอย่างไร?


11.ได้ข้อ 10 มาแล้วทำอย่างไรต่อ จะมีวิธีการเขียนรายงานอย่างไร?(รูปแบบ)


12. นำไปตอบโจทย์การศึกษาได้หรือไม่และติดตามประเมินผลงานอย่างไร


นี่คือคำถามตั้งต้นที่ชวนทุกท่านช่วยกันตอบก่อนที่จะลงไปปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ จากประสบการณ์(ของผมคนเดียว) ผมขอให้ความชัดเจนในแนวทางดังนี้ครับ การถอดบทเรียนเป็นเครื่องมือหนึ่งในเรื่องการจัดการความรู้ เพราะเป็นการแกะ แคะ เอาความรู้(เทคนิคการทำงาน/วิธีปฎิบัติงานที่ดี/กลเม็ดเคล็ดลับในการทำงาน)ของคนทำงานและประสบผลสำเร็จมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความรู้ที่ว่าก็คือความรู้ที่ตกผลึกฝังแน่นในตัวคน ที่นักวิชาการเรียกว่า ความรู้ฝังลึก หรือความรู้ซ่อนเร้น(TACIT KNOWLEDGE) ทำอย่างไรเราจะนำความรู้เหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้ คำว่าบทเรียนมีความหมายใกล้เคียงหรือแนบแน่นกับวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ บทเรียนที่เกิดขึ้นมีทั้งที่เป็นบทเรียนเชิงบวกที่เป็น HOW TO ให้คนที่จะทำงานแบบเดียวกันได้เรียนรู้แล้วนำไปสู่การประยุกต์ใช้ กับบทเรียนที่เป็นจุดต้องหลีกเลี่ยงมิให้เกิดขึ้นอีก จะเป็นข้อพึงระวังและข้อควรคำนึงนั่นเอง ในการจัดการความรู้หรือถอดบทเรียนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง มีหลักปฏิบัติดังนี้ครับ


1.ท่านต้องกำหนดให้ชัดก่อนว่าท่านอยากเรียนรู้หรือต้องการหาบทเรียนอะไร? ในหมู่บ้านฯ (นั่นคือการตั้งคำถามในการถอดบทเรียนและกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน)


2.สิ่งที่ท่านอยากรู้ตามข้อ 1 ใครมีบทเรียนดีๆเป็นแบบอย่างได้บ้าง? นั่นคือหาแหล่งข้อมูลหรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่จะเป็นเจ้าของความรู้ตัวจริงนั่นเอง


3.เมื่อกำหนดวัตถุประสงค์ชัด รู้ตัว KEY (คนรู้เรื่องนั้นจริงๆ=เจ้าของความรู้) แล้ว สิ่งที่ต้องคิดต่อคือ แล้วจะใช้เครื่องมืออะไรในการ สกัดความรู้ หรือถอดความรู้ที่ว่า ได้เหมาะสมกับแหล่งความรู้ที่กำหนด (หาวิธีการ)


4.ประสานการจัดเวทีถอดบทเรียน โดยนักจัดการความรู้ต้องตั้งประเด็นคำถามให้ชัดไว้แต่ต้น เช่น สถานการณ์อะไรที่ทำให้ต้องดำเนินกิจกรรม? กิจกรรมที่ดำเนินการมีเป้าหมายอย่างไร? มีการวางแผนเช่นไร? สิ่งที่เกิดขึ้นจริงแตกต่างจากเป้าหมายหรือสิ่งที่คาดหวังไว้หรือไม่อย่างไร ทำไมเป็นเช่นนั้น? มีปัญหา อุปสรรคหรือไม่แก้ปัญหาเหล่านั้นอย่างไร? ครั้งต่อไปเราควรจะปรับปรุงอย่างไรที่จะทำให้งานดีขึ้นกว่าเดิม?


5.ในการจัดการความรู้หรือถอดบทเรียนมีลักษณะให้ต้องคำนึงอีกข้อหนึ่ง คือ จำนวนกลุ่มเป้าหมายที่เราจะถอดความรู้ โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 3 ลักษณะดังนี้


5.1 การจัดการความรู้หรือถอดบทเรียนเป็นรายบุคคล


5.2 การจัดการความรู้หรือถอดบทเรียนรายกลุ่มองค์กร/เครือข่าย/ชุมชน


5.3 การจัดการความรู้หรือถอดบทเรียนรายโครงการ/กิจกรรม(ย่อย)


6. การเขียนรายงานการจัดการความรู้หรือถอดบทเรียน มักไม่คำนึงถึงระเบียบวิธีเช่นเดียวกับงานวิจัย มักเริ่มจาก


6.1 ชื่อเรื่อง


6.2 ความเป็นมาและวัตถุประสงค์


6.3 กระบวนการ/ขั้นตอนในการดำเนินงาน


6.4 ผลการดำเนินงาน(สิ่งที่เกิดขึ้นจริง)ประกอบด้วย สถานการณ์/เงื่อนไขที่เกิดขึ้นและผลที่ตามมา


6.5 บทเรียนหรือวิธีปฏิบัติที่ดีที่เกิดขึ้นในการดำเนินการ


6.6 การวิเคราะห์หาปัจจัยแห่งความสำเร็จ


6.7 ข้อเสนอเพื่อการพัฒนางานในครั้งต่อๆไป


ที่เขียนมาทั้งหมดเป็นประสบการณ์ที่ไม่เน้นข้อมูลอ้างอิง แต่ผมเขียนเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เท่านั้น หลายๆท่านอาจทำได้ดีกว่านี้มากมาย เสมือนเป็นเวทีเรียนรู้กันนะครับ แต่ข้อควรคำนึงสำคัญในการนำไปสู่การถอดบทเรียน จังหวัดต้องสร้างความเข้าใจเรื่องการจัดการความรู้ให้ชัดเจนแต่ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ก่อน จึงจะสมามารถขับเคลื่อนได้สะดวกโยธินครับ.....



วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

ความรู้เรื่อง เทคนิคการเรียนรู้และนำ KM มาพัฒนางานในองค์กร


เจ้าของความรู้ นายกู้เกียรติ ญาติเสมอ ตำแหน่ง นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการพิเศษ
สังกัด สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสมุทรปราการแก้ปัญหาเกี่ยวกับ การทำงานที่ไม่มีประสบการณ์/ไม่มีทักษะความรู้พื้นฐานมาก่อนเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ ปี2549
สถานที่เกิดเหตุการณ์ กรมการพัฒนาชุมชน
เมื่อต้นปี พ.ศ. 2549 ผมย้ายการปฏิบัติราชการจากจังหวัดอุดรธานีมาปฏิบัติราชการที่กรมการพัฒนาชุมชน (กทม.)โดยได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักวิชาการพัฒนาชุมชน 7 ว สำนักส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน รับผิดชอบงานนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน คำรับรองการปฏิบัติราชการซึ่งบอกตรงๆว่างานที่กล่าวมาทั้งหมดผมไม่เคยทำหรือมีประสบการณ์มาก่อนเลยแม้แต่น้อยและงานสำคัญที่ผมถือว่าเป็นงานยากและไม่เคยสัมผัสตั้งแต่ทำงานมากว่า 15 ปี นั่นก็คือ งานวางระบบการจัดการความรู้ของกรมการพัฒนาชุมชน ซึ่งในปีดังกล่าว สำนักงาน กพร. กำหนดเป็นตัวชี้วัดตามคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปี และกำหนดเป็นตัวชี้วัดบังคับ ในมิติที่ 4 การพัฒนาองค์กร โดยมีตัวชี้วัดย่อยอีก 3 ตัวพ่วงท้ายมาอีกด้วย ลำพังตัวชี้วัดเดียว ผมมือใหม่เอามากๆๆก็หืดขึ้นคอแล้ว และที่สำคัญปีนั้นเป็นปีแรกที่กรมการพัฒนาชุมชนดำเนินงานจัดการความรู้(KNOWLEDGE MANAGEMENT: KM) อย่างเป็นระบบ สถานการณ์ขณะนั้นบีบหัวใจผมเอาการอยู่ เนื่องจากได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานใหม่ของกรมฯ งานใหม่ของสำนักฯและที่น่าตกใจ คือเป็นงานใหม่เอี่ยมสำหรับผม ซึ่งไม่มีความรู้พื้นฐานมาก่อนแม้แต่น้อย หากมีข้อผิดพลาดหรือตัวชี้วัดระบบการจัดการความรู้ที่ว่านี้ไม่สำเร็จหรือไม่เป็นไปตามเป้าหมายของผู้บังคับบัญชา ที่ตั้งไว้ อะไรจะเกิดขึ้น เป็นโจทย์ที่ยากสุดๆ สำหรับผม ณ ขณะนั้น และนี่เป็นจุดตั้งต้นที่ผมตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะฟันฝ่าอุปสรรคและปัญหาเหล่านี้ให้ได้แม้จะใช้เวลาหรือความพยายามมากน้อยแค่ไหนก็ตามที เมื่อรับงานการวางระบบการจัดการความรู้มาอย่างเต็มตัวแล้ว ประเด็นแรกของผมในการศึกษางานที่ว่านี้ คือ สืบค้นแฟ้มงานที่คนอยู่ก่อนหน้าทำเอาไว้ ผมอ่านเอกสารในแฟ้มตั้งแต่โครงการ รายละเอียดงบประมาณ ขั้นตอนการดำเนินงาน และเป้าหมายทั้งเชิงผลผลิตและเชิงคุณภาพ ตัวชี้วัดกิจกรรม อ่านแม้กระทั้งบันทึกเสนอต่างๆที่แสดงความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนงาน สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือขั้นตอนการทำงานของโครงการที่ผู้ยกร่างโครงการทำใว้ก่อนผมย้ายมา แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าเมื่อทำตามขั้นตอนของโครงการแล้วระบบการจัดการความรู้ของกรมการพัฒนาชุมชนจะสำเร็จแต่อย่างน้อยก็เป็นแนวทางที่ผ่านการคิดและไตร่ตรองมาพอสมควรแล้ว การศึกษารายละเอียดโครงการจากแฟ้มที่คนเก่าทำไว้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะเห็นภาพรวมของโครงการทั้งหมด แต่หากผู้รับผิดชอบ ไม่เข้าใจงานอย่างลึกซึ้ง
ก็จะเป็นปัญหาไม่รู้จบเช่นเดียวกัน ผมตระหนักปัญหานี้ดีจึงแสวงหาตำหรับ ตำราเรื่องการจัดการความรู้มาอ่านและศึกษาอย่างจริงๆจังๆ ผมหมดเงินไปนับพันบาทในการไปหาซื้อหนังสือประเภท HOW TO ด้านKM มาอ่าน การทำอย่างนี้ทำให้ผมมีความรู้ด้านการจัดการความรู้ที่กว้างขวางขึ้นจากตำราดังกล่าวแต่ปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกคือ มีทฤษฎีมากมายแล้วปฏิบัติอย่างไร KM จึงจะเกิดเป็นรูปธรรมในกรมการพัฒนาชุมชน ผมนำความรู้ในแฟ้มงานที่กล่าวมาข้างต้นเชื่อมโยงกับตำราที่ซื้อมาอ่าน (แม้บางเล่มจะเขียนคนละทิศละทางก็ตามที) ทำให้เริ่มเดินงานอย่างคนมีข้อมูลแล้ว เกิดความมั่นใจมากขึ้น ในห้วงเวลานั้นคำถามที่ผมพบบ่อยคือ KM ที่เป็นรูปธรรมเป็นอย่างไร และทำอย่างไรให้สำเร็จ คนในองค์กรเก่งขึ้น งานมีคุณภาพ(เป้าหมาย KM) จังหวะเดียวกันนั้นผู้บังคับบัญชาตัดสินใจจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อมาวางระบบการจัดการความรู้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นกลยุทธ์การพัฒนางานอย่างหนึ่งในกรณีขาดผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง การเอ้าท์ซอส องค์ความรู้จากภายนอกสามารถแก้ปัญหาและเอื้อให้บุคลากรเกิดการเรียนรู้วิทยาการใหม่ๆที่บริษัท ผู้เชี่ยวชาญมาพัฒนาต่อยอดให้ ผมยิ่งมั่นใจมากขึ้นเมื่อมีระบบพี่เลี้ยงมาเกื้อหนุน บริษัทที่ปรึกษาดำเนินการสร้างการเรียนรู้โดยทำเวริ์คช็อป ให้เราลองปฏิบัติทุกขั้นตอนผมเริ่มเข้าใจ KM มากขึ้นการได้ฝึกปฏิบัติก่อนแล้ววิทยากรพี่เลี้ยงจึงสรุปหลักการภายหลังเป็นวิธีการที่ทำให้เราเข้าใจกระบวนการและวิธีการมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตลอดการฝึกปฏิบัตินั้นไม่มีการนั่งฟังบรรยายเป็นเวลานานเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ได้ข้อสรุปว่า การเรียนรู้เรื่อง KM จะเกิดผลดีต้องทำไปเรียนรู้ไปเท่านั้น การจัดกิจกรรมของบริษัทที่ปรึกษาจากการสังเกต พบว่ามีตั้งแต่การ สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายด้วยเกมส์/กิจกรรม การวางตัวของวิทยากร และการใช้สื่อที่สามารถเชื่อมโยงให้เห็นในการปฏิบัติจริงได้ ที่สำคัญการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ทำให้ผมเรียนรู้และเข้าใจมากขึ้นว่าการจัดการความรู้ คืออะไร ความรู้ที่เราจะจัดการหมายถึงอะไร มีขั้นตอนอย่างไร และนี่เป็นการเรียนรู้เนื้องานที่รับผิดชอบได้ดียิ่งขึ้น หลังการฝึกอบรม กรมฯและบริษัทที่ปรึกษามอบภารกิจให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมกลับไปจัดเก็บความรู้ โดยใช้ทักษะที่ฝึกปฏิบัติจากการอบรมดังกล่าว เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ไปสู่การปฏิบัติจริง ในการรับผิดชอบงานจัดการความรู้นอกจากผมใช้การศึกษากระบวนงานจากแฟ้มเอกสาร สอบถามเรียนรู้กับผู้รับผิดชอบงานเดิม การศึกษาเพิ่มเติมหลักการต่างๆจากตำราหรือเอกสารแนวทาง การหาพี่เลี้ยงที่ชำนาญหรือเชี่ยวชาญและการต้องลงมือฝึกปฏิบัติจริง จึงเป็นเครื่องมือและวิธีการที่ทำให้ผมทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างเข้าใจมากขึ้น ในขณะเดียวกันการจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญมาเป็นที่ปรึกษาครั้งนี้ผมได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนของการก้าวเดินของที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิดด้วยการสังเกต บันทึก ติดตามตลอดทุกกิจกรรม ผมบันทึก รวบรวม ไว้ทั้งหมด ตั้งแต่ กิจกรรม เครื่องมือ เทคนิคการนำเสนอ สื่อต่างๆ และเคล็ดลับการสร้างการเรียนรู้ รวมทั้งติดตามผู้เชี่ยวชาญไปฝึกปฎิบัติทุกขั้นตอนทุกครั้งที่ไปดำเนินการ การจดบันทึกเป็นเครื่องมือแกะรอยการทำงานของผู้เชี่ยวชาญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมนำประสบการณ์ที่ได้จากกระบวนการพัฒนาตนเองตามที่เล่ามาทั้งหมด มาเป็นกรอบและกระบวนการในการดำเนินงาน KM ของกรมการพัฒนาชุมชน นับจากวันนั้นเป็นต้นมาและเมื่อถึงปลายปีงบประมาณ ผลการประเมินการจัดการความรู้ของกรมการพัฒนาชุมชน ผ่านการประเมิน ได้ 5 คะแนนเต็ม พร้อมมีหลักฐานเชิงประจักษ์ครบถ้วน เกิดกระแสการพูดคุยเรื่อง KM กันมากขึ้น ผมรู้สึกดีใจที่การลงทุนทั้งเวลา งบประมาณ ที่สนับสนุนให้กรมฯมีระบบการจัดการความรู้เกิดผลสำเร็จในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นปีแรกที่กรมการพัฒนาชุมชนวางระบบ KM อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากผลงานผ่านการประเมินของ สำนักงาน กพร. แล้ว ผมภูมิใจที่การพัฒนาตนเองของผมให้เรียนรู้งานใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเกิดความรู้และทักษะด้านการจัดการความรู้มากกว่าเดิม เข้าใจ และสามารถปฏิบัติได้ และที่สำคัญสามารถถ่ายทอดทั้งกระบวนการ เทคนิควิธี ของการจัดการความรู้ ได้เป็นอย่างดี จนปัจจุบัน ผมมีโอกาสได้รับเชิญไปเป็นวิทยากร KM ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและชุมชน รวมทั้งมหาวิทยาลัย ที่ผมก้าวเข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย จากความสำเร็จนี้ทำให้ผมทีทัศนคติที่ดีกับงานใหม่ๆที่ไม่เคยทำและท้าทาย เสมือนเครื่องมือที่ทำให้ผมต้องกล้าที่จะเรียนรู้และพัฒนาทั้งทักษะความรู้จนเกิดเป็นความชำนาญและสามารถแก้ปัญหาในงานได้ในที่สุด
ขุมความรู้1. สืบค้นรายละเอียดงานจากแฟ้มงาน(ความเป็นมา/เรื่องเดิม/แนวทาง)และศึกษาให้ชัดเจน2. สืบค้นข้อมูล/พูดคุยกับผู้ที่รับผิดชอบเดิม(ที่มีประสบการณ์มาก่อน)3. จดบันทึกกระบวนการ/ขั้นตอน/วิธีการจากผู้รู้หรือผู้รับผิดชอบเดิม4. ศึกษาเอกสารตำราเพิ่มเติมเพื่อความลึกซึ้งและมองภาพรวมจากความรู้ที่เป็นสากล5. ฝึกปฏิบัติ ทำไปเรียนรู้ไปแก้ปัญหาไป บันทึกข้อผิดพลาด/วิธีการแก้ปัญหาได้สำเร็จ6. เชื่อมโยงหลักการตามตำรากับสถานการณ์และผู้เชี่ยวชาญ7. สร้างและใช้ระบบพี่เลี้ยงหรือเอ้าท์ซอส ความรู้จากภายนอกแก่นความรู้1. ไฝ่เรียนรู้(ด้วยตนเอง)2. ฝึกปฏิบัติ(ทักษะ)จริงจัง3. ตำราวิชาการหนุนเสริมความเข้าใจ4. สร้างระบบพี่เลี้ยงหรือมีทีมที่ปรึกษากลยุทธ์“ใฝ่รู้ ลองทำ นำหลักการ ประสานคนเก่ง เร่งสร้างระบบพี่เลี้ยง “
แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องแนวคิดด้านการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง การสร้างความรู้ และการพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพ

เทคนิคเรื่อง การขับเคลื่อนเรื่องแผนชุมชนสู่การพัฒนาแบบบูรณาการ


เจ้าขององค์ความรู้ นายศรศิษฏ์ ทนทาน
แก้ไขปัญหา ความเชื่อ ความศรัทธา ในการแก้ไขปัญหาต้องมาจาก
พื้นที่ที่มีแผนชุมชน
นายศรศิษฎ์ ทนทาน(เทพพิทักษ์) อายุ 51 ปี เป็นคนดั้งเดิมมาจากจังหวัดพะเยา มาสร้างครอบครัว อยู่ที่บ้านสุขสวัสดิ์ หมู่ที่ 13 ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อปี 2525 ถือว่าเป็นนักพัฒนาชาวบ้านที่มีอะไรพลิกสถานการณ์ปรับเปลี่ยน บนกระบวนการคิดของเวทีชาวบ้านเสมอๆ ในฐานะนักวิชาการพัฒนาชุมชนในเขตพื้นที่ได้มาแนะนำตนเองและทำความรู้จักเมื่อมารับราชการในพื้นที่อำเภอพระสมุทรเจดีย์ เพราะเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาชุมชนระดับจังหวัด จะพูดถึงบุคคลๆนี้เสมอ เมื่อมารู้จักและพูดคุยแล้วต้องยอมรับว่า คุณศรศิษฎ์ เป็นบุคคลที่อยู่ในแวดวง ของนักพัฒนาชาวบ้านที่อยู่กับพื้นที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนโยกย้ายตนเองเหมือนข้าราชการทั่วไป บุคลิกเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอๆแต่เป็นคนตรงไปตรงมา ต้องขออนุญาตนำประวัติพอสังเขปให้รู้จักกับคุณศรศิษฎ์ มากขึ้น ท่านเป็นอาสาสมัครพัฒนาชุมชนเมื่อปี พ.ศ.2536 เป็นผู้นำอาสาสมัครพัฒนาชุมชนตำบลในคลองบางปลากดปี 2541- 2544 ได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณผู้นำอาสาพัฒนาชุมชนดีเด่นปี 2543 เป็นผู้นำที่ขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานองค์กรชุม ปี 2544 เป็นผู้นำเสนอแนวคิดการบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้านต้องใช้แนวทางการบริหารจัดการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตในแวดวงของนักพัฒนา เป็นผู้นำในการจดทะเบียนสมาคมผู้นำอาสาสมัครพัฒนาชุมชนและสมาคมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต จังหวัดสมุทรปราการ ปี 2545 เป็นผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านจังหวัดสมุทรปราการรับตำแหน่งเป็นเลขา ปี 2546 ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านสุขสวัสดิ์ ปี 2548 ได้รับประกาศเกรียติคุณเป็นผู้ใหญ่บ้านยอดเยี่ยม(ผู้ใหญ่บ้านแหนบทอง) ปลายปี 2548 นำกองทุนหมู่บ้านผ่านการประเมินยกฐานะเป็นธนาคารแห่งแรกของ จังหวัดสมุทรปราการ ปี 2548 -2549 ร่วมกับอาจารย์มหาลัยและภาคีเครือข่ายทำงานวิจัยเรื่ององค์กรการเงิน ร่วมกับทีมงาน ดร.ครูชบ ยอดแก้ว สงขลา,คุณสามารถ พุธทา ลำปาง,พระอาจารย์สุบิน ตราด ,คุณพัชรี ประธานเครือตำบลกองทุนหมู่บ้าน ตำบลกระหรอ นครสีธรรมราช เมื่อมาดูประวัติพอสังเขปต้องยอมรับว่าท่านผู้ใหญ่ต้องมีองค์ความรู้และเป็นองค์ความที่อยู่ในระดับท้าทายว่าการขับเคลื่อนเรื่องแผนชุมชนสู่การพัฒนาแบบบูรณาการได้จริงหรือ....
ผู่ใหญ่ศรศิษฎ์บอกว่า การขับเคลื่อนเรื่องแผนชุมชนสู่การพัฒนาแบบบูรณาการ ต้องทำความเข้าใจ คำว่าแผนชุมชน กับการบูรณาการ แผนชุมชน ตามหลักวิชาการก่อน
แผนชุมชน หมายถึง กิจกรรมพัฒนาที่เกิดขึ้นจากคนในชุมชนที่มีการรวมตัวกันเพื่อจัดทำแผนขึ้นมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่นของตนเอง ให้เป็นไปตามความต้องการและสามารถแก้ไขปัญหาที่ชุมชนเผชิญอยู่ร่วมกันได้ โดยคนในชุมได้ร่วมกันคิด ร่วมกันกำหนดแนวทางและทรัพยากร ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งบางกิจกรรมชุมชนสามารถแก้ไขได้เองด้วยความร่วมมือของในชุมชนเองทั้งหมดด้วยความร่วมมือกันลงมือทำและเสียสละ บางกิจกรรมต้องขอความร่วมมือกับกับภาคที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขบางส่วนและบางกิจกรรมชุมชนไม่สามารที่จะแก้ไขได้เกินความสามารถต้องประสานกับท้องถิ่นหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา แผนชุมชนมีชื่อเรียกกันแตกต่างกันไปตามความเข้าใจของท้องถิ่นและผู้นำเสนอในเวทีเพื่อความหยืดหยุ่นและการประสานงาน อาทิ แผนแม่บทชุมชน, แผนชุมชนพึ่งตนเอง, แผนชีวิต,แผนชุมชน, แผนพัฒนาหมู่บ้านและแผนเพื่อประสานกับท้องถิ่น
การบูรณาการ แผนชุมชน หมายถึง วิธีการร่วมมือกันทำงานของหน่วยงานสนับสนุนพัฒนาภายนอกชุมชนทุกภาคส่วน โดยยึดหลักการใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง ชุมชนเป็นศูนย์กลาง ชาวบ้านเป็นเจ้าของเรื่อง โดยใช้กระบวนการจัดทำแผนชุมชนเป็นเครื่องมือดำเนินกิจกรรมพัฒนาให้เป็นไปคามความต้องการของประชาชน มากกว่าวัตถุประสงค์ของหน่วยงานสนับสนุน มีทั้งบูรณาการด้านบุคลากร กระบวนการและเครื่องมือ แผนงานและงบประมาณ
ดังนั้นการขับเคลื่อนเรื่องแผนชุมชนสู่การพัฒนาแบบบูรณาการ เป็นไปได้ไม่ยากนักถ้าหน่วยงานสนับสนุนและท้องถิ่น ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง ชุมชนเป็นศูนย์กลาง และผู้นำแต่ละพื้นที่ต้องทุ่มเทเสียสละและไม่ชิงการนำ ชิงการได้เปรียบของการเมืองระดับพื้นที่ ส่วนหน่วยงานต้องไม่ชิงพื้นที่ว่าเป็นของหน่วยงานไหนเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดกระบวนการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายในการแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
ความเชื่อความศรัทธา คือปัญหาที่ต้องเร่งสร้างให้กลับมาในหมู่นักพัฒนา,หน่วยงานสนับสนุนและท้องถิ่น ถ้าทุกภาคส่วนยังมีอัตตาสูงเมื่อนั้นการพัฒนาแห่งความยั่งยืนไม่เกิดขึ้นแน่
แต่วันนี้ในฐานะที่เป็นผู้นำ ได้ทำในสิ่งที่ชาวบ้านให้ทำนำกระบวนการมีส่วนร่วมมาเปิดเวทีคิด เวทีคุย เวทีแก้ไขปัญหา เวทีแห่งการวางแผนพัฒนาและร่วมกันตัดสินใจ มาอย่างต่อเนื่องจากที่ไม่ได้รับการยอมรับ ก็ได้รับการยอมรับ จากที่นำแผนไปเสนอและพูดคุยถูกปฏิเสธเสมอๆกับมาชื่นชมและมักถูกยกเป็นตัวอย่างเสมอๆ จากการที่แสวงหา งบประมาณไม่ได้ กับไม่อยากได้งบประมาณที่ไม่เป็นความต้องของชาวบ้านมาดำเนินการ จากความไม่เชื่อ ไม่มีความศรัทธา แต่สิ่งที่เอ่ยออกมากลับเป็นความชื่นชม และเอาไปเป็นแบบอย่าง วันนี้ความสำเร็จไม่ใช่อยู่ที่ตัวเอง อยู่ที่ชาวบ้านสุขสวัสดิ์ เป็นผู้ทำความฝันของตนเองในการคิดในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกมิติที่เรียกว่าแผนชุมชน หรือแผนพัฒนาหมู่บ้านไปสู่แผนพัฒนาตำบลและปัจจุบันนี้จากจุดนี้ขยายผลของแผนปฏิบัติการของ องค์การบริหารส่วนตำบลในคลองบางปลากด ของหมู่บ้านนี้ร้อยเปอร์เซ็นมาจากแผนชุมชน และยังขยายผลไปสู่หมู่บ้านอื่นๆได้ระดับหนึ่ง
วันนี้แนวคิดการขับเคลื่อนเรื่องแผนชุมชนสู่การพัฒนาแบบบูรณาการขององค์การบริหารส่วนตำบลในคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ได้ก้าวไปอีกระดับหนึ่งแล้ว ด้วยวิสัยทัศน์ ของผู้บริหาร ด้วยการทำงานที่มีการปรับเปลี่ยนของเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมการพัฒนาชุมชน วันนี้ที่นี่กำลังก้าวเดินไปบนกรอบยุทธศาสตร์ของกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการแผนชุมชน ไปสู่ตัวชี้วัดแห่งความสำเร็จที่มีกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมการพัฒนาชุมชนอยากเห็นและยากให้เป็นความสุขของชาวบ้านอย่างแท้จริง
วิธีการ (ปฎิบัติตน)
1. มีเวลาให้กับกิจกรรมส่วนรวม
2. ใฝ่ศึกษาหาความรู้และเป็นนักไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท
3. เปิดเวทีได้ทุกโอกาสสถานที่ในการพูดคุยเรื่องที่ใหม่ๆกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลง
4. อ่อนน้อมถ่อมตน และปิดหู ปิดตา ปิดปาก ในบางโอกาส ที่ไม่เอื้ออำนวย และ เหมาะสม
5. ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเป็นเพื่อนและผูกมิตรได้กับคนทุกระดับ
6. ยกย่องเชิดชูเพื่อนร่วมงานและชาวบ้านอยู่เสมอๆ
7. สร้างบรรยากาศที่เคร่งเครียดของการวิเคราะห์ปัญหาเป็นเรื่องไม่มีปัญหา
8. ทำตัวอยู่หลังภาพแห่งความสำเร็จ ความสวยงามที่เกิดกับสังคมที่เข้าไปมีส่วนร่วม
9. ใช้หลักธรรมนำชีวิต หิริ ความละอายแก่ใจ โอตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป
จากเทคนิคการทำงานและปฎิบัติตน ของ ผู้ใหญ่ศรศิษฎ์ จนเป็นที่ยอม ชื่นชมและศรัทธาของชาวบ้านสุขสวัสดิ์แล้ว กลุ่มองค์กรต่างๆเชิญชวนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการตามหลักของประชาธิปไตยเสมอๆ แต่ผู้ใหญ่ไม่เข้ารับการสรรหาเพื่อดำรงตำแหน่งในกลุ่มองค์กรต่างๆในช่วงปี 2530 -2553 แต่ด้วยจิตและวิญาณของการห่วงเพื่อนๆพี่น้องๆที่แบกสัมภาระของสังคมก็อดห่วงไม่ได้ เวทีแต่ละเวทีที่เป็นของภาคีเครือข่ายจะปรากฏตัวเองเพื่อเรียนรู้ แลกเปลี่ยนอยู่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยขาดเมื่อได้รับเชิญ
แต่งานที่เป็นการบริหารกึ่งวิชาการส่งเสริมสนับสนุนและปกครอง ที่ผู้ใหญ่ยังรับตำแหน่ง
ประกอบด้วย ผู้ใหญ่บ้านสุขสวัสดิ์ ,ประธานสถาบันการเงินบ้านสุขสวัสดิ์,รองประธานคณะกรรมการกองทุนสุขภาพระดับตำบล, คณะกรมการบริหารศูนย์การศึกนอกโรงเรียนเรียนอำเภอพระสมุทรเจดีย์,คณะการกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาอำเภอ,คณะอนุกรรมการส่งเสริม ติดตามจัดตั้งกองทุนทุนหมู่บ้านระดับจังหวัด,คณะกรรมการประเมินมาตรฐานแผนชุมชนระดับจังหวัด,คณะอนุกรรมการควบคุม มาตรฐานสถานพยาล ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพ จังหวัดสมุทรปราการ,คณะอนุกรรมการจัดทำแผนแม่บทชุมชนพึงตนเองของสถาบันพัฒนาองค์การมหาชน จังหวัดสมุทรปราการ
ขุมความรู้
1. เป็นแบบอย่างที่ดี,มีจิตอาสา ยังพาผลประโยชน์ให้เกิดกับส่วนรวม
2. ทำไปเรียนรู้ไป แก้ไขปัญหาไป
3. ให้เกียรติและความสำคัญกับทีมงาน
4. ให้ความสำคัญกำคนเก่งทุกระดับ
5. เป็นนักประสานงานที่ดีมีมนุษย์สัมพันธ์ ,นักประชาสัมพันธ์,เป็นนักจุดประกายขาย
ความคิดและขยายผล
6. เชื่อมโยงหลักการตามตำรากับสถานการณ์เฉพะหน้าให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนร่วม
7. เป็นผู้เอื้ออำนวยส่งเสริมความเข้มแข็งของหมู่บ้าน
8. ตื่นตัวอยู่เสมอๆมีความสามารถในการตัดสินใจ จูงใจ มีความรอบรู้ทันเหตุการณ์
แก่นความรู้
1. หมั่นสร้างเวทีร่วมคิดได้ทุกโอกาส
2. มีจิตอาสา ยังพาประโยชน์ส่วนร่วมคือความสุขของตนเอง
3. ให้คำปรึกษาและไกล่เกลี่ย ประนอมข้อพิพาท
4. สร้างความศรัทธาและเชื่อมั่น
5. นำพาผลประโยชน์ที่เกิดจากแผนกับสู่ชุมชนด้วยหลักธรรมาภิบาล
กลยุทธ์
กล้าพูดในสิ่งที่ทำ กล้านำในสิ่งที่เป็นมติจากเวทีประชาคม หมั่นชื่นชม ให้เกียรติและยกย่องทีมงานและภาคีการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ
แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
*บทบาทของผู้นำ
*ภาวะของผู้นำ
*ผู้นำที่ที่มีประสิทธิภาพ
**************

ความรู้เรื่อง เทคนิคการปฏิบัติงานเรื่องศูนย์ประสานงานองค์การชุมชนให้เข้มแข็ง


เจ้าของความรู้ นางอรษา เศวตจามร
แก้ปัญหาเกี่ยวกับ การบริหารงาน แก้ปัญหากระบวนการทำงาน ศอช.ต.

ศูนย์ประสานงานองค์การชุมชนตำบลบางด้วน ทำหน้าที่ในการสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่าง ผู้นำ – กลุ่ม –องค์กร เช่น ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน (ผู้นำ อช.) กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ - กองทุนสวัสดิการชุมชน – กองทุนหมู่บ้าน – กลุ่มผลิตฯ อาสาสมัครสาธารณสุข – กรรมการหมู่บ้าน (กม.) สมาชิกสภาตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล และองค์กรอื่นๆ นอกพื้นที่ ตำบล – อำเภอ อื่นๆ ประสานสัมพันธ์กับภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดพลังชุมชนที่เข้มแข็ง พึงพาตนเองอย่างมั่นคง บูรณาการกิจกรรม การพัฒนาไปตามบริบทของหมู่บ้าน – ตำบล – ชุมชน โดยให้มีส่วนราชการ - รัฐวิสาหกิจ – องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้การส่งเสริม สนับสนุน การดำเนินการอย่างเหมาะสม
ภารกิจ การแก้ปัญหา เป็นกระบวนการมีส่วนร่วมและสะท้อนปัญหา ไปสู่หน่วยงาน– หรือองค์กรภาคอื่น ๆ
ประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนได้อย่างลงตัว ดำเนินกิจกรรมด้วยความราบรื่น – รวดเร็ว
ช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานของผู้นำกลุ่มองค์กร
ศูนย์ประสานงานองค์การชุมชน ตำบลบางด้วน ดำเนินการจัดประชุมประชาคมโดยพัฒนากร ท่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดำเนินการเลือกสรรประชาชน เข้ามาเป็น คณะทำงานได้ 15 คน และเริ่มดำเนินการจัดประชุม ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551 เป็นการจัดทำแผนพัฒนา –จัดทำโครงการปัญหายาเสพติด – สิ่งแวดล้อม - ปัญหาความยากจน – จัดทำกิจกรรมรายได้สนับสนุน
และต่อมาเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2551 ได้จัดการประชุมร่วม ระหว่าง ศอช.ต. ผู้นำชุมชน - กลุ่มออมทรัพย์ – ฌาปณกิจสงเคราะห์ กองทุนสวัสดิการชุมชน สมาชิกสภาตำบล ผู้นำ อช. – กองทุนหมู่บ้าน – สตรี - กลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชน เข้าร่วมประชุม เพื่อร่างระเบียบ – ข้อบังคับ ของ ศอช. ต. โดยเรียนเชิญท่านวิทม สมใจ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางด้วนเป็นประธานเปิดการประชุมแต่ท่านติดภารกิจ ได้มอบหมายภารกิจให้ท่านชาญชัย ชาติทองคำ ประธานสภาตำบลบางด้วนมาเป็นประธานเปิดการประชุมแทน และประธาน ศอช.ต. ได้รายงานผลการดำเนินงานให้ทราบ จากที่ได้จัดทำโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด – จัดอบรมมัคคุเทศน้อย จัดตั้งเสียงตามสาย – จัดทำผู้สูงอายุไปศึกษาแสวงบุญไหว้พระ 9 วัด สิงห์บุรี – อ่างทอง – อยุธยา –ซื้อคอมพิวเตอร์ – เครื่องถ่ายเอกสารบริการประชาชนราคาถูก ตั้งมูลค่างบประมาณเสนอกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า จำนวนเงิน 270,000.-บาท และได้รับการอนุมัติและดำเนินการเป็นที่เรียบร้อย 1 โครงการ
การพัฒนาผู้นำ
คณะกรรมการของศูนย์ประสานงานองค์การชุมชนตำบลบางด้วน ได้มาจากการประชุมประชาคม ผู้นำชุมชนทุกองค์กรทุกหมู่บ้าน จากผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 108 คน
กาติดต่อสื่อสารกับหน่วยงาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จากความร่วมมือ ก่อให้เกิดการบริการดีรวดเร็ว รวมถึง
การประสานแผนความร่วมมือในทุกกิจกรรม – ที่จะของบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานอื่นๆ ได้ดีมาก
การพัฒนาด้านความร่วมมือของเครือข่ายภายในตำบลคือการประสานความร่วมมือระหว่างสมาคมฌาปณกิจสงเคราะห์ กองทุนสวัสดิการชุมชน – กองทุนหมู่บ้าน – กองทุนแก้ไขปัญหาความยากจน กข.คจ. โดยมีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตเป็นแกนนำในการยกระดับขึ้นเป็นสถาบันการจัดการเงินทุนชุมชนตำบลบางด้วน อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรปราการ
สร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่รับทราบผลความก้าวหน้าขององค์กรการเงินชุมชนที่ชาวบ้าน จำนวน 800 กว่าคน นำเงินมารวมกัน ได้ยกระดับความเข้มแข็งเสมือนองค์การการเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
การแก้ไขปัญหาต่างๆ ของ ศอช.ต. ในด้านการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนราชการเพื่อการขับเคลื่อนก็คือการพึ่งตนเอง จัดหากลยุทธในการขับเคลื่อนร่วมกับองค์กรต่างๆ ตั้งเป้าหมายการพัฒนาบนพื้นฐานของเศรษฐกิจพอเพียง
ส่งเสริมให้ผู้ที่ประสงค์จะสร้างอาชีพประกอบอาชีพเสริมรายได้จากการเลี้ยงปลา –เลี้ยงกบ จากแหล่งเงินทุน เช่น กองทุนพัฒนาไฟฟ้า หรือ สถาบันการจัดการเงินทุนชุมชน บางรายจัดซื้อตู้น้ำดื่มมาให้บริการ บางรายทำดอกไม้ประดิษฐ์ – ดอกไม้จันทน์ – พวงหรีดเคารพศพชนิดผ้า และชนิดภาชนะของใช้ ในครัวเมื่อแล้วเสร็จพิธี มีกลุ่มเกษตรนวัตกรรม ปลูกผัก – เพาะเห็ดไร้สาร – ไร้ดิน ไว้บริโภคเองเหลือขาย
ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้คนในชุมชนใฝ่หาแหล่งเรียนรู้ในชุมชน มาประดิษฐ์สินค้าหลากหลายรูปแบบมาก ศูนย์ประสานงานองค์การชุมชนสนับสนุนในการให้ฐานข้อมูลเพื่อการเรียนรู้และนำไปปฎิบัติเพื่อเพิ่มรายได้






วิธีการ (เทคนิคการปฎิบัติ)
1.การบริหารงานที่สำคัญคือการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วน
2.กระบวนการทำงาร่วมกับประชาชน
3.การประสานความร่วมมือระหว่าง กลุ่ม / องค์กรชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และ อปท.
เพื่อช่วยเหลือ / สนับสนุนการทำงานของผู้นำชุมชน / กลุ่มองค์กร
4.สามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้ ร่วมกันระหว่างภาคประชาชนและภาครัฐ
5.นำไปสู่ความร่วมมือกับ อปท. ทั้งในระดับตำบล (อบต.) และระดับจังหวัด (อบจ.) ตาม
ศักยภาพและบริบทของชุมชนที่แตกต่างกัน
ขุมความรู้
1.ประสบผลสำเร็จเป็นตัวอย่าง
2.รวบรวมปัญหา วิเคราะห์ จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาสข้อจำกัด
3.ให้ความรู้ ทัศนศึกษาดูงาน กลุ่มองค์กรต่างๆ เพื่อประยุกต์นำมาใช้
4.แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ
5.ปฎิบัติงาน กิจกรรม ประสานของบประมาณจากภายนอก
6.ประเมินผล
7.ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชน และหน่วยงานได้ทราบผลงาน
แก่นความรู้
1.เป็นต้นแบบ
2.ให้ความรู้ ทัศนศึกษาดูงาน
3.ประสานงาน แบ่งหน้าที่
4.คิดและแก้ปัญหาด้วยตนเอง
5.บูรณาการกองทุนในชุมชน
กลยุทธ
เป็นต้นแบบ ศูนย์กลางเรียนรู้ของกลุ่มองค์กรภายในตำบลอย่างแท้จริง
แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
เป็นศูนย์ที่จัดประชุม เพื่อประชาสัมพันธ์การดำเนินงานให้ประชาชนทุกหมู่บ้านในตำบล ได้รู้จักว่า ศอช.ต. คือใคร ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร